วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทบาทและหน้าที่ของหัวหน้างานด้านความปลอดภัย


สวัสดีจ้า  แอดมินเอาข้อมูลมาลงเพิ่มเติมให้แล้วนะคร้าบบบบบบบบบ  ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอุดหนุนๆๆๆๆๆๆ


บทบาทและหน้าที่ของหัวหน้างานด้านความปลอดภัย
       ผู้บังคับบัญชาระดับปฏิบัติการหรือหัวหน้างาน   นับว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมาก  ใกล้ชิดกับผู้ปฏิบัติงานมากที่สุด  ในการสนองนโยบายและสนับสนุนกิจกรรมความปลอดภัยของสถานประกอบการ   ทั้งนี้   เพราะเป็นผู้ควบคุมดูแลการปฏิบัติงาน  ในสถานที่ปฏิบัติงานโดยตรง   ฉะนั้นหากผู้บังคับบัญชา  ระดับหัวหน้างาน     มีความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ    และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนแล้ว   ย่อมจะทำให้กิจกรรมความปลอดภัยใดๆ บังเกิดประสิทธิผลในสถานที่ปฏิบัติงานได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยในการทำงาน   การเพิ่มผลผลิต  คุณภาพผลิตภัณฑ์   และลดความสูญเสียได้อย่างแน่นอน
          บทบาทของหัวหน้างาน
1.  ด้านการปฏิบัติงาน
     ขจัดสาเหตุของอุบัติเหตุที่สำคัญ   2   ประการ   คือ
     -  การกระทำที่ไม่ปลอดภัย  ( Unsafe  Acts)
     -  สภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย  ( Unsafe  Conditions)
2.  ด้านการบริหาร
     -  มีการถ่ายทอดงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชา  เพื่อความเข้าใจตรงกัน  และมีทัศนคติในการทำงานที่เป็นแนวทางเดียวกัน
     -  มีการสอนงานเฉพาะด้าน  ที่ต้องอาศัยเทคนิค   ความชำนาญหรือประสบการณ์ให้แก่พนักงานที่อยู่มานานหรือจะเข้าทำงานใหม่ก็ตาม
     -  มีการประชุมทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการอย่างสม่ำเสมอ   เน้นหัวข้อทั้งในงานประจำกับความปลอดภัยและกิจกรรมอื่นๆ
     -  ห่วงใยในสุขภาพ   สวัสดิการ  ของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
3.  ความสูญเสียเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ
     -  ความสูญเสียทางตรง  ( Direct  Cost)
     -  ความสูญเสียทางอ้อม  ( Indirect  Cost)
1. ความสูญเสียทางตรง หมายถึง จำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปอันเกี่ยวเนื่องกับผู้ได้รับบาดเจ็บโดยตรงจากการเกิดอุบัติเหตุได้แก่
- ค่ารักษาพยายบาล
- ค่าเงินทดแทน
- ค่าทำขวัญ ค่าทำศพ
- ค่าประกันชีวิต



2. ความสูญเสียทางอ้อม หมายถึง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ซึ่งส่วนใหญ่จะคำนวนเป็นตัวเงินได้) นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทางตรงสำหรับการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง ได้แก่
    2.1 การสูญเสียเวลาทำงานของ
        ก. คนงานหรือผู้บาดเจ็บ เพื่อรักษาพยาบาล
        ข. คนงานอื่นหรือเพื่อนร่วมงานที่ต้องหยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจาก
            - ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยการปฐมพยาบาล หรือนำส่งโรงพยาบาล
            - ความอยากรู้อยากเห็นประเภทต่างๆ “ไทยมุง”
            - การวิพากษ์วิจารณ์
            - ความตื่นตกใจ (ตื่นตระหนักและเสียขวัญ)
        ค. หัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชา เนื่องจาก
            - ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
            - สอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ
            - บันทึกและจัดทำรายงานการเกิดอุบัติเหตุเพื่อเสนอตามลำดับชั้นและส่งแจ้งไปยัง
หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
            - จัดหาคนงานอื่นและฝึกสอนให้เข้าทำงานแทนผู้บาดเจ็บ
            - หาวิธีแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดช้ำอีก
    2.2 ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ได้รับความเสียหาย
    2.3 วัตถุดิบหรือสินค้าที่ได้รับความเสียหายต้องโยนทิ้ง ทำลายหรือขายเป็นเศษเหล็ก
    2.4 ผลผลิตลดลง เนื่องจากขบวนการผลิตขัดข้อง ต้องหยุดชะงัก
    2.5 ค่าสวัสดิการต่างๆ ของผู้บาดเจ็บ
    2.6 ค่าจ้างแรงงานของผู้บาดเจ็บซึ่งโรงงานยังคงต้องจ่ายตามปกติ แม้ว่าผู้บาดเจ็บจะ
ทำงานยังไม่ได้เต็ที่หรือต้องหยุดงาน
    2.7 การสูญเสียโอกาสในการทำกำไร เพราะผลผลิตลดลงจากการหยุดชะงักของขบวนการ
การผลิตและความเปลี่ยนแปลงความต้องการของท้องตลาด
    2.8 ค่าเช่า ค่าไฟฟ้าน้ำประปา และโสหุ้ยต่างๆ ที่โรงงานยังคงต้องจ่ายตามปกติ แม้ว่า
โรงงานจะต้องหยุดหรือปิดกิจการหลายวันในกรณีเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
    2.9 การเสียชื่อเสียงและภาพพจน์ของโรงงาน

        ความสูญเสียทางอ้อมจึงมีค่ามหาศาลมากกว่าความสูญเสียทางตรงมาก ซึ่งปกติเรามักจะคิดกันไม่ถึง จึงมีผู้เปรียบเทียบว่า ความสูญเสียหรือค่าใช้จ่ายของการเกิดอุบัติเหตุเปรียบเสมือน “ภูเขาน้ำแข็ง” ส่วนที่โผล่พ้นน้ำให้มองเห็นได้มีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำ ในทำนองเดียวกันค่าใช้จ่ายทางตรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะเป็นเพียงเพียงส่วนน้อยของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดซึ่งผู้บริหารโรงงานจะมองข้ามมิได้

รูป แสดงความสูญเสียของอุบัติเหตุเปรียบเทียบกับภูเขาน้ำแข็ง


4.  กลยุทธที่ใช้ในการป้องกันอุบัติเหตุ
     -  การวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัย  (Job safety analysis : JSA )
     -  การตรวจสอบความปลอดภัย  (Safety  Inspection)
     -  การสนทนาความปลอดภัย  (Safety  Talk)
     -  การรณรงค์กิจกรรม  5 ส
     -  ระบบข้อเสนอแนะ  (Suggestion  System)


5.  หลักการตรวจสอบความปลอดภัย
     1.  รู้อันตราย  หมายถึง   ผู้ตรวจความปลอดภัย  จะต้องทราบว่าสิ่งที่พบเห็นเป็นอะไร   เป็นสิ่งที่จัดว่าเป็นสาเหตุของการประสบอุบัติเหตุอันตรายหรือไม่  ทั้งการกระทำที่ไม่ปลอดภัยและสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย
     2.  ประเมินได้  หมายถึง  ผู้ตรวจความปลอดภัยสามารถประเมินผลได้ว่า   สิ่งที่พบเห็นเป็นอันตรายจริงหรือไม่   ร้ายแรงเพียงใด   จำเป็นจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนหรือไม่   บางครั้งอาจจะนำไปเทียบกับมาตรฐานได้   หรือบางครั้งอาจจะประเมินด้วยตาเปล่า
     3.  ควบคุมเป็น  หมายถึง  ความสามารถในการให้คำแนะนำแก้ไข   หรือการบันทึกข้อคิดเห็นถึงอันตรายที่พบ   แจ้งแก่ผู้เกี่ยวข้องทราบ   เพื่อการดำเนินงานแก้ไขต่อไป







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น